รอบรู้เรื่องเครื่องเสียงสำหรับความบันเทิงในบ้านไปกับแบรนด์เครื่องเสียง Microlab ที่จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเครื่องเสียงให้กระจ่าง เพียงคลิกที่นี่
ลิสต์ราคา Microlab ยอดนิยมปี 2021
10 อันดับสินค้ายอดนิยม | ราคา | ร้านค้า |
---|---|---|
Microlab B70 | 2,500 บาท | Lazada |
Microlab (5.1) (X15) | 4,950 บาท | Advice Online |
Microlab X3 2.1ch ลำโพงซัพวูฟเฟอร์ เสียงดี เบสหนัก ด้วยกำลัง 98 Watts RMS ฟรี ขาแขวน 1 คู่ และ สาย AUX to RCA มูลค่า 599 บาท (มีประกัน 1 ปี*) | 2,790 บาท | Lazada |
Microlab New X15L (ริมแดง) ชุดมินิโฮมเธียเตอร์ 5.1 รับประกันศูนย์ 1 ปี Free เครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูง Benjie s5 มูลค่า 1490 บาท By Fullbright technology | 5,990 บาท | Lazada |
Microlab (2.1) Bluetooth (T10) Stunning LED breathing lights bring visual splendour ประกัน 1Y | 3,290 บาท | Lazada |
Microlab (5.1) (X3) | 4,450 บาท | Advice Online |
Microlab (2.1) (X1) | 1,690 บาท | Lazada |
Microlab M-300BT Bluetooth 2.1 | 1,490 บาท | Lazada |
Microlab A 6322 (ส่งฟรี ยกเว้นเขตพิเศษ) | 1,690 บาท | Lazada |
Microlab ซาว์นบาร์ รุ่น TM-100 Sound Bar TM100 ( กลุ่ม4 ) | 5,500 บาท | Lazada |
Microlab ประเทศไทย – รอบรู้เรื่องเครื่องเสียงสำหรับติดตั้งภายในบ้าน
การจะได้ประสบการณ์เต็มอิ่มจากการรับชมความบันเทิงภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ การร้องเพลงคาราโอเกะ การฟังเพลง ฯลฯ จะต้องมีระบบเสียงที่ดี ทรงพลัง ซึ่งก็ต้องพึ่งเครื่องเสียงคุณภาพดีมาติดตั้งเอาไว้ที่บ้าน แต่ถ้าหากว่าคุณยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับระบบเครื่องเสียงและ Hi Fi ที่ควรใช้ละก็ วันนี้ Microlab มีคำตอบมาฝากกัน
อุปกรณ์เครื่องเสียงเบื้องต้นที่ควรมีเพื่อประสบการณ์เต็มอิ่มแห่งความบันเทิง
สำหรับอุปกรณ์เครื่องเสียงและ Hi Fi ที่คุณต้องมีหลัก ๆ นั้นมีทั้งหมด 5.1 ชิ้น ซึ่งถ้าหากยังไม่พอ อาจจะไปหาซื้ออุปกรณ์อื่นเพิ่มได้ แต่ที่กำลังจะกล่าวถึงนี้เป็นอุปกรณ์หลักพื้นฐานชิ้นสำคัญที่ควรมีในการสรรสร้างพลังเสียงแบบเต็มขึ้น ประกอบไปด้วย
- Amplifier หรือที่เรียกกันว่า แอมป์ฯ, AVR หรือ Audio Video Receiver เป็นตัวควบคุมและถอดรหัสภาพและเสียง
- ลำโพงคู่หน้า 2 ตัว เป็นลำโพงที่จะใช้เล่นเสียงดนตรี เสียงเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้านข้างภายในภาพยนตร์ รวมทั้งใช้ในการฟังเพลงด้วย
- ลำโพงกลางหรือเซ็นเตอร์ ใช้ในการเล่นเสียงพูด หรือเสียงเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
- ลำโพงเซอร์ราวนด์ 2 ตัว ใช้ในการถ่ายทอดเสียงด้านหลัง และบรรยากาศรอบ ๆ
- ซับวูฟเฟอร์ ใช้ถ่ายทอดเสียงความถี่ต่ำ หรือเสียงเบสนั่นเอง
แนวทางในการเลือกซื้อลำโพงสำหรับติดตั้งเป็นเครื่องเสียงในบ้าน
ระบบเครื่องเสียงในบ้านนั้นจะประกอบไปด้วยแหล่งขยายสัญญาณ, แหล่งกำเนิดโปรแกรม, สายเชื่อมสัญญาณ และลำโพง ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะแสดงเสียงออกมาก็คือลำโพงนั่นเอง การเลือกซื้อลำโพงนั้นควรจะต้องให้ความใส่ใจในรายละเอียดมากเป็นพิเศษ โดยดูจาก
- Frequency Response หรือค่าความกว้างในการตอบสนองความถี่เสียง ซึ่งลำโพงในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้มีความกว้างในการตอบสนองมาก ทำให้สามารถตอบสนองได้ในทุกย่านเสียง
- Recommended Amplifier Power คือ คำแนะนำด้านกำลังขับของแอมป์ที่ให้ผลดีที่สุดกับลำโพง เช่น บางรุ่นอาจมีกำลังขับระหว่าง 20 – 80 วัตต์ เป็นต้น
- Sensitivity เป็นค่าความไวของลำโพงที่จะเป็นตัวกำหนดวัตต์ของลำโพงนั้น ๆ เช่น หากมีค่าความไวอยู่ที่ 87 dB ต่อเมตรก็แสดงว่าลำโพงตัวนั้นอาจต้องใช้แอมป์ที่มีกำลังขับ 50 – 100 วัตต์นั่นเอง
- Impedance คือค่าความต้านทานของลำโพง ซึ่งจะมีทั้งค่าความต้านทานที่ 4 Ohms, 6 Ohms, 8 Ohms
ระบบเสียงแบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันสักนิด
นอกจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับลำโพงและอุปกรณ์เครื่องเสียงต่าง ๆ แล้ว เมื่อจะทำการซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียงมาติดตั้ง คุณก็ควรจะรู้จักระบบเสียงต่าง ๆ ที่จะสร้างความบันเทิงภายในบ้านให้กับคุณด้วย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น
- ระบบเสียงโมโน (Mono)
- เป็นระบบเสียงที่มีช่องให้เสียงออกเพียงช่องเดียวเท่านั้น ทำให้สามารถรับฟังเสียงได้ด้วยการใช้ลำโพงเพียงตัวเดียว หรือถ้าอยากใช้ลำโพงหลาย ๆ ตัวก็ได้เช่นกัน เพราะเสียงที่ออกมาจากลำโพงทุกตัวจะเหมือนกันทั้งหมด
- ระบบเสียงสเตอริโอ (Stereo)
- เป็นระบบเสียงที่มีช่องทางให้เสียงออกมา 2 ช่องทาง โดยต้องใช้ลำโพง 2 ตัวตั้งเอาไว้คู่กันเพื่อให้เสียงออกมาได้แบบครบทุกรายละเอียด เนื่องจากเสียงที่ออกมาจากลำโพงแต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ฟังควรจะต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างลำโพงทั้งสองตัว จึงจะได้อรรถรสทางเสียงที่สมบูรณ์และสมดุล
- ระบบเสียง Dolby Surround
- เป็นระบบเสียงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดเสียงได้รอบทิศทางมากขึ้น มีระบบเสียงทั้งหมด 3 ช่องทาง ได้แก่ ลำโพงหน้าซ้าย (front left), ลำโพงหน้าขวา (front right), ช่องเสียงเซอร์ราวนด์ (surround) โดยช่องเสียงเซอร์ราวนด์นั้นจะแทรกอยู่ในลำโพงทั้งสองตัวที่ความถี่ 100 Hz – 7,000 Hz ทำให้เสียงที่ได้ยินนั้นมีมิติและมีรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม
- ระบบเสียง Dolby Digital (AC-3)
- เป็นระบบเสียงที่ใช้การส่งผ่านข้อมูลเสียงในรูปแบบดิจิตอล ทำให้สามารถกระจายช่องทางเสียงได้ละเอียดและถี่ขึ้น ผู้ฟังจะสามารถแยกแยะเสียงที่ได้ยินออกว่าเสียงไหนออกมาจากลำโพงตัวไหน เสียงที่ได้จะมีมิติที่หลากหลาย ทำให้มีรายละเอียดและสมจริงมากยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วยช่องทางเสียงทั้งหมด 6 ช่องทาง โดย 5 ช่องทางแรกเป็นลำโพง 5 ตัวซึ่งให้มิติเสียงที่แตกต่างกันออกไป ส่วนอีกหนึ่งช่องทางที่เหลือคือซับวูฟเฟอร์ใช้สำหรับแสดงเสียงสัญญาณต่ำ จึงมีการเรียกระบบเสียงแบบนี้ว่า 5.1 Channel หรือ AC-3 (Audio Coding 3rd Generation) นั่นเอง
- ระบบเสียง Dolby Digital Surround EX
- เป็นเทคโนโลยีด้านเสียงรูปแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากระบบเสียง Dolby Digital 5.1 โดยเพิ่มช่องสัญญาณเสียงเข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง ทำให้ได้มิติเสียงที่ละเอียดและสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก สัญญาณเสียงที่ได้นั้นจะมาจากลำโพงซ้าย, ลำโพงกลาง, ลำโพงขวา, ลำโพงเซอร์ราวนด์ซ้ายและขวา, ลำโพงหลัง และซับวูฟเฟอร์