พบกับความหอมที่ไม่มีวันจางจากน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดผิวกาย Jo Malone ในราคาถูก สุดคุ้มที่ iPriceThailand พร้อมเรียนรู้เทคนิคดี ๆ ในการใช้น้ำหอมและการดูแลผิว คลิกที่นี่
ลิสต์ราคา Jo Malone ยอดนิยมปี 2021
10 อันดับสินค้ายอดนิยม | ราคา | ร้านค้า |
---|---|---|
Jo Malone Myrrh & Tonka | 99 บาท | Shopee |
Jo Malone Myrrh & Tonka 100ml | 150 บาท | Shopee |
Jo Malone Wood Sage & Seasalt 30ml | 909 บาท | Lazada |
Jo Malone Wood Sage & Seasalt | 91 บาท | Shopee |
Jo Malone Myrrh & Tonka 9ml | 699 บาท | Shopee |
Jo Malone Myrrh & Tonka 30ml | 3,460 บาท | Net-A-Porter |
Jo Malone Wood Sage & Seasalt 100ml | 96 บาท | Shopee |
Jo Malone Wood Sage & Seasalt 9ml | 169 บาท | Shopee |
Jo Malone Jomalone กลิ่น Goldenneedletea 75Ml | 6,890 บาท | Shopee |
Jo Malone ขายดี✔️ น้ำหอม 30 Ml. ขวดเทสเตอร์ | 600 บาท | Shopee |
Jo Malone ประเทศไทย – แบ่งปันเทคนิคการพรมน้ำหอมให้หอมฟุ้งทั่วกายทั้งวัน
น้ำหอมเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการนำสารสกัดจากธรรมชาติมาผสมผสานและปรุงแต่งให้เข้ากัน จนเกิดเป็นกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งน้ำหอมนั้นเป็นได้ทั้งตัวบ่งบอกบุคลิก และยังเป็นตัวคลายความเครียด ความเหนื่อยล้าให้กับตัวคุณได้ด้วย ซึ่งการพรมน้ำหอมให้อยู่ติดกายได้นานตลอดวันนั้นทำได้ไม่ยากจากคำแนะนำของแบรนด์ชั้นนำด้านน้ำหอม Jo Malone ดังนี้
- พรมน้ำหอมตามสไตล์ที่ชอบ
- ผลิตภัณฑ์เพิ่มความหอมนั้นไม่ได้มีเพียงแต่น้ำหอมเพียงอย่างเดียว ยังมีทั้งแบบโลชั่นและครีมทาผิวด้วย ถ้าอยากได้กลิ่นบางเบา ไม่ฉุนเกินไปก็อาจใช้วิธีการทาโลชั่นผสมน้ำหอมแทนการฉีดน้ำหอมที่จะให้กลิ่นแรงชัดเจนและติดทนนานกว่า
- ฉีดน้ำหอมที่จุดสำคัญบนร่างกาย
- จุดสำคัญที่เหมาะกับการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานนั้นก็คือ ลำคอ, แขน, ด้านหลังหัวเข่า ซึ่งเมื่อฉีดน้ำหอมแล้ว กลิ่นมักจะลอยขึ้นด้านบน ดังนั้นการฉีดน้ำหอมที่บริเวณหลังหัวเข่าจะทำให้เกิดความหอมทั่วเรือนร่างจริง ๆ อีกจุดหนึ่งที่ฉีดได้ก็คือบนเส้นผม ซึ่งจะทำให้หอมฟุ้งติดทนนานเช่นกัน
- การเติมกลิ่นระหว่างวัน
- จะต้องเติมน้ำหอมในระหว่างวันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและกลิ่นของน้ำหอมนั้น ๆ อย่างน้ำหอมที่มีเบสเป็นกลิ่นของพรรณไม้ตะวันออก (Oriental & Woody) จะมีกลิ่นที่ติดทนนานกว่ากลิ่นหอมจากดอกไม้และผลไม้ (Floral & Citrus) นอกจากนี้น้ำหอมต่าง ๆ ยังมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันด้วย อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วน้ำหอมจะติดทนได้ประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง
- ใช้โลชั่นผสมน้ำหอมเพื่อให้กลิ่นติดทนนานขึ้น
- หากคุณต้องการให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานขึ้น ให้ทาโลชั่นที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอมที่จะฉีด แล้วจึงค่อยฉีดน้ำหอม จะทำให้กลิ่นติดทนนานยิ่งขึ้น
ลองกลิ่นน้ำหอมอย่างไรจึงจะได้กลิ่นที่ชอบจริง ๆ
การลองกลิ่นน้ำหอมนั้นก็เพื่อที่คุณจะได้เลือกกลิ่นที่ตรงใจคุณจริง ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งจะเห็นคนทดลองกลิ่นน้ำหอมแบบผิด ๆ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการลองกลิ่นน้ำหอมที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้กลิ่นที่ถูกใจคุณอย่างแท้จริงดังนี้
- ลองกลิ่นน้ำหอมบนผิว
- การลองกลิ่นน้ำหอมนั้นไม่ใช่ฉีดลงกระดาษแล้วดมกลิ่น ควรจะลองบนผิวจริง ๆ ของคุณดีกว่า เพราะกลิ่นน้ำหอมจะกระจายได้อย่างเต็มที่เมื่อทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิร่างกาย และที่สำคัญคุณจะต้องอาบน้ำให้สะอาด งดเว้นการทาครีม โลชั่น หรือน้ำหอมที่ให้ความหอม เพื่อที่จะได้ลองกลิ่นที่แท้จริงของน้ำหอมนั้น ๆ
- ลองกลิ่นน้ำหอมไม่เกิน 3 กลิ่นต่อครั้ง
- การลองกลิ่นน้ำหอมไม่ใช่ลองกลิ่นเป็นสิบ ๆ กลิ่นในครั้งเดียว เพราะการที่จมูกรับรู้กลิ่นเกินกว่า 3 กลิ่นแล้วจะมีความสับสนและแยกแยะกลิ่นไม่ออก ดังนั้นเมื่อลองกลิ่นน้ำหอมครบ 3 กลิ่นแล้ว ให้หยุดพักก่อนโดยการเดินไปยังที่ที่ไม่กลิ่นน้ำหอม สูดอากาศบริสุทธิ์ หรือดมกลิ่นเมล็ดกาแฟ เป็นต้น
เทคนิคเด็ดในการปรนนิบัติผิวให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ
การมีผิวสวยสุขภาพดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้จักปฏิบัติตามข้อแนะนำในการปรนนิบัติผิวที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นผักและผลไม้ให้มากสักหน่อย เนื่องจากผักและผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้ผิวสวยเปล่งปลั่งจากภายใน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวด้านในได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกายด้วย
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะน้ำเป็นตัวสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งจากภายใน
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเน้นการบำรุงและปกป้องความชุ่มชื้นของผิวเป็นหลัก หากผิวขาดความชุ่มชื้นก็จะเป็นสาเหตุให้ผิวเกิดริ้วรอย หมองคล้ำ ไม่สดใสนั่นเอง
- ปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะแสงแดดและรังสียูวีคือตัวการร้ายทำลายผิวให้หมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนโดยเฉพาะการนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ผิวจะได้ฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ