สมาร์ทโฟน

โทรศัพท์มือถือ เปรียบเสมือนปัจจัยที่ห้า เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมีไว้เพื่อพกพาอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง เพื่อใช้อำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าหลาย ๆ แบรนด์ก็สร้างสรรมือถือหลายรุ่นออกมาแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบที่สวยงามล้ำสมัย ประสิทธิภาพเร็วแรงครอบคลุมทุกการทำงาน ถ่ายรูปสวยคมชัดด้วยเทคโนโลยี AI แถมราคาโทรศัพท์ก็มีหลายราคาให้เลือกเยอะแยะไปหมด ถ้าตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี iPrice Thailand ได้รวบรวมวิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ และทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟนแบรนด์ดัง พร้อมเช็คราคาล่าสุด และเลือกซื้อมือถือราคาถูกกว่าใครได้ที่นี่ที่เดียว!

วิธีง่าย ๆ ในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือให้ตอบโจทย์กับการใช้งาน

โทรศัพท์ – โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ห้าสำหรับในยุคสมัยนี้เลยก็ว่าได้ ขอแค่มีเจ้านี่ก็สามารถไปไหนมาไหน ทำอะไรก็สะดวกง่ายดาย ติดต่อสื่อสารก็ง่าย อัพเดตข่าวสารก็เร็ว สั่งงานได้หลากหลายผ่านปลายนิ้ว ทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้น เมื่อเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน จึงมีผู้เล่นรายใหญ่ที่หันมาผลิตโทรศัพท์ค่อนข้างเยอะ มีให้เลือกหลายแบรนด์เต็มไปหมด แถมราคาโทรศัพท์ก็มีหลายราคาต่างกันไป ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเรื่องราวของเหล่ามือถือจากเหล่าแบรนด์ดังไปพร้อม ๆ กัน กำเงินของคุณให้แน่นแล้วไปดูพร้อมกันได้เลย!

ซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไหนดี? ใช้งานได้คุ้ม

โทรศัพท์มือถือมีหลายร้อยกว่ายี่ห้อ เราจึงคัดแบรนด์ดังที่ติดตลาดมาให้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าแต่ละค่ายมีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งระดับราคาก็แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน iPrice Thailand ขอเป็นตัวช่วยในการแนะนำ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไหนดี และ การเลือกซื้อมือถือที่ใช้งานได้คุ้ม พร้อมกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนทุกเจนฯ

1. iPhone (ไอโฟน)

Apple iPhone เป็นแบรนด์ที่ครองภาพลักษณ์เรื่องความเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมียม เป็นลัญลักษณ์ของความหรูหราในโลกไอทีมาอย่างยาวนาน แม้หลายคนจะปฏิเสธว่าไม่ได้เลือก iPhone เพราะเรื่องภาพลักษณ์ที่ดูดี แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อหยิบไอโฟนออกมาใช้แล้วมันให้ความรู้สึกภูมิใจกับผู้ถือได้จริง ๆ และอีกข้อดีสำคัญที่หลายคนมักจะพูดถึงคือราคาขายต่อได้ แทบจะไม่ลดลงมากนักเมื่อเทียบกับ Android ทำให้ซื้อแล้วมีความคุ้มค่า เมื่อรุ่นใหม่ออกก็สามารถขายต่อได้โดยที่ราคาโทรศัพท์ยังดีอยู่ เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย สำหรับข้อเสียของ iPhone นั้นก็เป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ไม่ได้จัดเต็มมาอย่างแบรนด์อื่น ๆ รวมทั้งนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ยังเหมือนตามหลังคู่แข่งอยู่บ้าง แต่ต้องยกเว้นให้กับข้อเด่นในเรื่องของระบบ Seamless System และ iOS ที่ยืนหนึ่งเรื่องความเสถียรภาพและความปลอดภัย

ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 14,900 – 64,900 บาท

ข้อดีของไอโฟน:

  • รองรับซอฟต์แวร์ที่ยาวนาน (ประมาณ 5-6 ปี)
  • กล้องคุณภาพสูงและรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
  • ระบบ iOS ที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย
  • ความปลอดภัยสูง ระบบ Ecosystem กับอุปกรณ์ Apple ดีเยี่ยม

ข้อเสียของไอโฟน:

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • ความจุที่ไม่สามารถขยายได้
  • อุปกรณ์เสริมต้องใช้ของแท้หรือผ่านการรับรองเท่านั้น (Made for iPhone)

2. Samsung (ซัมซุง)

Samsung ที่สุดแห่งซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1969 ในเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาหลีใต้ทำให้ทุกอย่างตั้งแต่โทรทัศน์ไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งโทรศัพท์ Samsung เปิดตัวในฐานะสมาร์ทโฟน Android เครื่องแรกในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เป็นที่น่าจับตามองอย่างต่อเนื่อง ด้วยกระแสนิยมจากวัฒนธรรมและศิลปินจากเกาหลี ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังโดดเด่นทั้งการแสดงผลของสีสันหน้าจอที่สดใส คมสว่าง ให้ภาพสีสันจะดึงดูดตา มีดีไซน์ที่หรูหราเป็นเอกลักษณ์ โดยราคาโทรศัพท์ของซัมซุงจะไม่ต่างจากไอโฟนมากนัก แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องยกเครดิตให้ก็คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้าแบรนด์อื่น ๆ ได้ดี ที่ไม่ว่าเปิดตัวมาแต่ละครั้งก็เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Galaxy Flip ซีรีย์

ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 – 34,500 บาท

ข้อดีของซัมซุง:

  • ความหลากหลายของรุ่นที่เหมาะกับทุกกลุ่มผู้ใช้
  • หน้าจอ AMOLED ที่สวยงามและสีสันคมชัด
  • รองรับการชาร์จเร็วและการชาร์จไร้สาย
  • ฟีเจอร์เยอะ เช่น DeX, S-Pen (บางรุ่น)
  • มีรุ่นให้เลือกหลายระดับราคา ตั้งแต่ถูกจนถึงพรีเมียม

ข้อเสียของซัมซุง:

  • รุ่นราคาถูกบางรุ่นอัปเดตช้า หรือไม่ได้รับอัปเดต
  • Bloatware ค่อนข้างเยอะ (แอปที่ติดมากับเครื่อง)
  • รุ่นท็อปมีราคาสูงพอ ๆ กับ iPhone

3. Xiaomi (เสี่ยวมี่)

Xiaomi ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2010 เป็นนกฟีนิกส์จากจีนที่ผ่านร้อนหนาวมาอย่างโชกโชนแต่ก็สามารถปรับตัวกลับมายืดหยัดบนเส้นทางของโทรศัพท์มือถือได้อย่างภาคภูมิ เรียกได้ว่าก็มีรุ่นเรือธงเจ๋ง ๆ ที่ไม่น้อยหน้าใคร รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ผสมผสานเข้ากับดีไซน์เรียบหรู จนเรียกได้ว่าเป็น iPhone จากฝั่งจีนเลยทีเดียว แถมราคาโทรศัพท์ยังถูกกว่าแอปเปิ้ลหลายเท่าตัวอีกด้วย เพราะทางแบรนด์เน้นผลิตมือถือราคาถูกในสเปคดีที่รองรับการใช้งานอย่างครอบคลุม โดยขายในประเทศที่มีประชากรเยอะอย่างอินเดีย จึงทำให้ทางบริษัทซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ ในปริมาณที่เยอะโดยได้ราคาที่ถูกกว่า แม้เปิดตัวมาไม่นานแต่ปัจจุบันมือถือของ Xiaomi ก็ติดโผแบรนด์ท็อปที่คนทั่วโลกรู้จักกันไปแล้ว

ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 2,700 – 30,000 บาท

ข้อดีของเสี่ยวมี่:

  • ราคาคุ้มค่า สเปกแรงเมื่อเทียบกับราคา
  • มีฟีเจอร์หลากหลายแม้ในรุ่นกลางและล่าง
  • หน้าจอและแบตเตอรี่ถือว่าใช้งานได้นาน
  • กล้องพัฒนาเร็ว โดยเฉพาะในรุ่นเรือธง

ข้อเสียของเสี่ยวมี่:

  • ซอฟต์แวร์ (MIUI) อาจมีโฆษณาแฝงหรือ Bloatware
  • การอัปเดตซอฟต์แวร์อาจไม่สม่ำเสมอในรุ่นราคาถูก
  • ศูนย์บริการอาจไม่ครอบคลุมเท่าแบรนด์ใหญ่

4. HUAWEI (หัวเหว่ย)

HUAWEI อีกหนึ่งแบรนด์จากจีนที่มาตรฐานไว้วางใจได้ระดับโลก เพราะมีการปล่อยลูกเล่นใหม่ ๆ มาเซอร์ไพรส์เราอยู่เสมอ หัวเว่ยจะได้เปรียบในเรื่องของเทคโนโลยีที่พัฒนาร่วมกับหน่วยงานระดับโลกอื่น ๆ เช่น การออกแบบดีไซน์ร่วมกับแบรนด์รถหรูระดับโลกอย่าง Porsche Design หรือการได้รับความร่วมมือพัฒนาเลนส์กล้องกับผู้นำเรื่องกล้องอย่าง Leica ซึ่งผลที่ตามมาคือเทคโนโลยีสุดยอดในโทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่น ที่โดดเด่นในทุก ๆ ฟังก์ชั่น เช่น หน่วยประมวลผลที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด การ์ดจอแรงเอาใจสายเกมเมอร์ กล้องสวยถ่ายปุ๊บก็ลงโซเชียลมีเดียได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาแต่งรูปเพิ่ม รวมไปถึงระบบสแกนไวรัสในตัวที่ได้ร่วมพัฒนากับ Avast นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พิเศษอีกมากมาย ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ต้องลองซื้อมาใช้กันดูแล้วหล่ะ แล้วจะรู้ว่าเด็ดจริง

ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 – 30,000 บาท

ข้อดีของหัวเหว่ย:

  • กล้องระดับโปร โดยเฉพาะเลนส์จาก Leica (ในบางรุ่น)
  • ดีไซน์สวย วัสดุพรีเมียม
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และชาร์จเร็ว
  • ราคาดีเมื่อเทียบกับสเปก

ข้อเสียของหัวเหว่ย:

  • ไม่มีบริการของ Google (ในรุ่นใหม่ ๆ)
  • ใช้ระบบ HarmonyOS ซึ่งอาจไม่รองรับแอปไทยบางตัว
  • ความเข้ากันได้กับบางแอปพลิเคชันอาจมีปัญหา
  • ความนิยมลดลงในหลายประเทศ

5. OPPO (ออปโป้)

OPPO เป็นมือถือจากแบรนด์นี้นับว่าเป็นที่จับตามอง เพราะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ได้เข้ามามีบทบาทในระดับโลก มีจุดเริ่มต้นที่เป็นบริษัทเครื่องเสียงมาก่อน ทำให้โทรศัพท์มือถือของออปโป้เองมีจุดเด่นในเรื่องระบบเสียงต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีดีเพียงแค่นั้นเพราะปัจจุบันได้มีการปรับปรุงการทำงานในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ความสามารถในเรื่องกล้อง เน้นการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการถ่ายเซลฟี่ และยังมีการใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายอย่างอัจฉริยะอีกด้วย มีพื้นที่หน่วยความจำที่เยอะเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย หรือจะเป็นความจุของแบตเตอรี่ที่เค้าอัดมาให้เต็ม ๆ แบบที่แบรนด์อื่นไม่กล้าให้ บางรุ่นรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วย เหมาะกับการใช้งานของคนในยุคนี้สุด ๆ

ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 – 35,000 บาท

ข้อดีของออปโป้:

  • กล้องหน้าเซลฟี่ดี ถูกใจสายถ่ายภาพ
  • ดีไซน์สวย หลากหลายรุ่นให้เลือก
  • ฟีเจอร์ครบ รองรับชาร์จเร็ว
  • ราคาค่อนข้างเข้าถึงง่ายในหลายระดับ

ข้อเสียของออปโป้:

  • ประสิทธิภาพบางรุ่นไม่คงที่เมื่อใช้งานหนัก
  • ซอฟต์แวร์ ColorOS บางรุ่นยังมีโฆษณา/แอปติดเครื่อง
  • การอัปเดตระบบไม่สม่ำเสมอในรุ่นราคาประหยัด
  • ไม่โดดเด่นด้านนวัตกรรมเท่าแบรนด์ใหญ่

เลือกซื้อมือถือใหม่ ต้องเช็กอะไรบ้าง?

เมื่อรู้จักโทรศัพท์มือถือรุ่นต่าง ๆ กันไปแล้ว เรามาดูวิธีในการเลือกซื้อโทรศัพท์ฉบับมือโปรกัน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการเลือกรุ่นที่ใช่มาใช้กันได้อย่างสบายใจ

1. ระบบปฏิบัติการที่ดี ช่วยให้ปลอดภัยจากแฮ็กเกอร์

  • iOS : เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เฉพาะ iPhone เท่านั้น เป็นระบบปิดที่มีความปลอดภัยสูง ดังนั้นการใช้งานจึงยุ่งยากขึ้นมากว่าโทรศัพท์ทั่วไป แต่ข้อดีคือสามารถเชื่อมต่อกับสินค้าในเครือ Apple ได้หมด เช่น Apple Watch, iPad ไปจนถึง Macbook ทางค่ายจะทำการอัพเดทระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อปรับปรุงคุณภาพของมือถือให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
  • Android : ได้รับการออกแบบโดย Google และถูกใช้โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลากหลาย การใช้งานทำได้ค่อนข้างง่าย มีลักษณะและการทำงานแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งโปรแกรมในแต่ละรุ่น โดยรวมแล้วการใช้งานพื้นฐานจะไม่แตกต่างกันนัก และด้วยความเป็นระบบเปิด ความปลอดภัยของแอนดรอยด์จะน้อยกว่า iOS แต่ทางผู้พัฒนาระบบก็ปรับปรุงเวอร์ชั่นอยู่เรื่อย ๆ เพื่ออุดรูรั่วในปัญหานี้

2. พิจารณาจากหน้าจอ ยิ่งใหญ่ ยิ่งปัง

สมาร์ทโฟนรุ่นหลัง ๆ เริ่มมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานอย่าง ดูหนัง เล่นเกม รวมไปการถึงจดบันทึกข้อความต่าง ๆ บนเครื่องได้โดยตรง ซึ่งขนาดส่วนมากมักจะอยู่ที่ 5.5 – 6 นิ้ว หรือใหญ่กว่านั้น แต่ก็ใช่ว่าหน้าจอที่ใหญ่จะเหมาะกับทุกคน เพราะโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่จะยากต่อการพกพา ใช้งานได้อย่างทุลักทุเลด้วยมือข้างเดียวด้วย ดังนั้นก่อนเลือกซื้อคุณต้องทราบก่อนว่าสไตล์การใช้งานของคุณเป็นแบบไหน หากเน้นรุ่นที่พกพาสะดวก พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ แนะนำให้เลือกโทรศัพท์ขนาด 4 – 5 นิ้ว เป็นไซส์แบบพอดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป แต่ถ้าคุณเน้นการดูซีรีส์ รายการทีวีเป็นหลัก ควรเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาด 6 นิ้ว หรือเล็กลงมาหน่อยประมาณ 5.5 นิ้ว ก็ได้

3. กล้องต้องชัด ถ่ายรูปสวยเป๊ะ ระดับโปร

สมัยนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องอัพรูปถ่ายลงโซเชียลมีเดียกันทั้งนั้น เพื่อความสวยงามและสมจริงของรูป ก็ควรเช็คดูด้วยว่าโทรศัพท์มือถือที่จะซื้อมีคุณสมบัติถ่ายด้วยความละเอียดสูงสุดเท่าไหร่ ถ้ามีความละเอียดที่สูงก็สามารถถ่ายรูปได้หลายขนาด คมชัด และดูสวยงาม ซึ่งความละเอียดของกล้องขั้นพื้นฐานควรอยู่ที่ 10 ล้านพิกเซล ขึ้นไป ที่สำคัญตัวกล้องควรมีความเร็วสูง ทั้งชัตเตอร์ในการเก็บภาพและความเร็วในการเรียกใช้ ยิ่งถ้ามีเลนส์หลายตัวยิ่งดีใหญ่ เพราะจะช่วยให้คุณถ่ายรูปทั้งมุมใกล้และไกลได้หลายมิติยิ่งขึ้น

4. ขนาดของ RAM / ROM ความจุเยอะ เล่นเกมไม่มีล้ม

ถ้าคุณต้องการใช้งานเครื่องหนัก ๆ หรือเล่นเกมได้ลื่นแบบไม่มีสะดุด ROM ควรจะมีมากกว่า 4 GB ขึ้นไป ยิ่งมีขนาดมากเท่าไรก็จะทำให้มือถือประมวลผลได้ดีมากขึ้นเท่านั้น สามารถเปิดแอปพลิเคชันได้หลายแอปพร้อมกันโดยที่เครื่องไม่ค้าง อีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือหน่วยความจุของเครื่องอย่าง ROM อย่าลืมเช็คด้วยว่าหน่วยความจำในตัวเครื่องมีขนาดเท่าไหร่ โทรศัพท์ที่มีความจุประมาณ 32 GB ก็อาจจะเก็บได้เฉพาะข้อมูลหรือรูปภาพทั่วไป แต่หากต้องการเก็บวิดีโอหรือภาพที่ความละเอียดสูง ขอแนะนำรุ่นที่มี ROM ตั้งแต่ 64 GB ขึ้นไป แต่ถ้ายังไม่พอก็ไม่เป็นอะไรเพราะแอนดรอยด์ส่วนใหญ่จะรองรับหน่วยความจพเสริมอย่าง Micro SD Card เพื่อให้เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ส่วนสาวก iOS อดนะจ๊ะ เพราะนางไม่ได้รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอก

5. ความจุแบตเตอรี่ มากกว่า 4000 mAh

ความจุแบตเตอรี่เป็นเรื่องที่สำคัญแม้แพ้กัน แบตเตอรี่โทรศัพท์ที่เหมาะแก่การใช้งานในยุคสมัยนี้ควรมีความจุมากกว่า 4,000 mAh ขึ้นไป เพราะถ้าน้อยกว่านั้น อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานทั้งวัน ทำให้ต้องเสียเวลาชาร์จแบตอยู่บ่อย ๆ ควรตรวจสอบว่ามือถือรุ่นที่อยากได้มีระบบชาร์จเร็วด้วยหรือไม่ เพราะระบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จ เพียงแค่เสียบปลั๊กไว้แป๊บเดียวก็เต็มแล้ว ไม่ต้องเสียเวลารอนาน และฟีเจอร์อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือระบบการชาร์จแบบไร้สาย เพิ่มความสะดวกขึ้นไปอีกขั้น ไม่มีสายชาร์จระโยงระยางมากวนใจ วางไว้บนแท่นไฟก็เข้าแบตเตอรี่เลย

วิธีดูแลมือถือให้ใช้งานได้นานขึ้น

สิ่งที่คุณไม่ควรละเลยเปนอย่างยิ่งเมื่อคุณมีโทรศัพท์มือถือ นั้นก็คือการดูแลรักษาตัวเครื่องให้ดีที่สุด ถนอมแบตเตอรรี่ เพื่อให้ใช้นานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

1. ควรใส่เคสและติดฟิล์มกันรอย

ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ราคาถูกหรือราคาแพง ก็ควรที่ใส่อุปกรณ์เสริมป้องกันไว้ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการตกกระแทกจนทำให้เครื่องเสียหาย และติดฟิล์มเพื่อกันหน้าจอแตกและเป็นรอยขีดข่วนเอาไวด้วย ปัจจุบันมีเคสและฟิล์มมากมายให้ได้เลือกซื้อ ซึ่งต้องเลือกกันดี ๆ และเลือกของที่มีคุณภาพรับประกันเท่านั้น เพื่อคุณภาพในการใช้งานและเป็นการลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

2. หมั่นรักษาความสะอาด

โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนละเลยในการทำความสะอาดมันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีเศษฝุ่นและเชื้อโรคเกาะตามช่องและรูต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเป็นผลเสียต่อตัวเครื่องที่อาจจะเกิดการชำรุดก่อนเวลา อีกทั้งยังมีผลเสียต่อสุขอนามัยของสุขภาพคุณด้วย ดังนั้นควรใช้ผ้าสะอาด ๆ และคัตตอนบัตเช็ดและเอาเศษฝุ่นออกอยู่บ่อย ๆ

3. อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป

การที่คุณรอแบตเตอรี่แจ้งเตือนบ่อย ๆ สามารถทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องเสื่อมอายุการใช้งานได้เร็ว ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมและหมดไว ฉะนั้นคุณเมื่อคุณเห็นแบตเตอรี่ของคุณเหลือ 30 % คุณก็สามารถทำการชาร์จได้แล้ว และที่สำคัญอีกอย่าง อย่าลืมถอดปลั๊กออกด้วยทุกครั้งเวลาแบตเตอรี่เต็ม ถึงแม้มือถือบางรุ่นจะมีระบบตัดไฟอัตโนมัติแต่คุณก็ไม่ควรชาร์จนานเกินไป เพื่อเป็นการถนอมแบตในระยะยาวและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในบ้านอีกด้วย

4. เก็บโทรศัพท์ให้ห่างจากความชื้น

อย่างที่คุณรู้ ๆ กันว่า ไม่ควรวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ ๆ แหล่งน้ำหรือที่ที่มีความชื้น โดยเฉพาะห้องน้ำยิ่งไม่ควร เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุเครื่องตกน้ำจนทำให้เมมบอร์ดเครื่องและอุปกรณ์ภายในเกิดความเสียหายได้

เลือกซื้อโทรศัพท์ – โทรศัพท์มือถือในราคาถูกกว่าใครได้ที่ iPrice Thailand

โทรศัพท์ – โทรศัพท์มือถือ เป็นไอเท็มสำคัญที่คนส่วนใหญ่ขาดไม่ได้ในสมัยนี้ เพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำงานหรือด้านความบันเทิง ดังนั้นเพื่อให้เลือกซื้อมือถือรุ่นที่เหมาะกับสไตล์การใช้งานที่สุด อย่าลืมนำข้อแนะนำข้างต้นไปใช้กันด้วย 

นอกจากนี้ การเช็คราคาออนไลน์ก่อนซื้อก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน ที่ iPrice Thailand คุณสามารถเช็คราคาจากหลากหลายร้านค้าออนไลน์ และเปรียบเทียบราคาโทรศัพท์ก่อนซื้อ อีกทั้งเรายังรับรองว่าที่ iPrice คุณจะได้รับมือถือราคาถูกจากแบรนด์ต่าง ๆ กันอย่างคุ้มค่าและคุ้มราคาแบบสุด ๆ พร้อมกับรับโปรโมชั่นส่วนลดที่อัพเดทใหม่ทุกวัน เลือกมือถือรุ่นที่ใช่แล้วไปเลือกซื้อกันได้เลย!

iPrice TH
Logo